บทที่ 2 ตอนที่ 2
ริมฝีปากหยักสวยสีแดงระเรื่อของนิโคไล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟคลี่ออกจากกันเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวประดุจมรกตเนื้อดีเป็นประกาย ก่อนจะพูดออกไป
“วันนี้ผมหยุดพักครับ เมื่อคืนใช้แรงกายมากไปหน่อย เช้ามาเลยเพลียๆ”
ไทเลอร์ฟังคำตอบน้องชายแล้วก็แค่นยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
“จะอยู่คอยหาเรื่องน้องอิงอีกล่ะสิ พี่ว่านายเลิกอคติกับน้องอิงซะทีเถอะ พ่อกับแม่อยากให้นายแต่งงานกับน้องอิงก็แต่งๆ ไปซะ น้องอิงก็สวย เซ็กซี่ดีออก หรือว่านายไม่คิดอย่างพี่...”
นิโคไลเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เหยียบทุกความรู้สึกมากมายเอาไว้แต่ภายในอก ก่อนจะโต้ตอบพี่ชายใหญ่ของตัวเองไปด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาสีเขียวมรกตค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเพลิง
“น่าขยะแขยงสิไม่ว่า พี่ไทล์ก็รู้ว่าผมเกลียดแม่นี่มาก”
“ใช่ พี่รู้ ทุกๆ คนรู้หมด เพราะนายพยายามแสดงออกแบบนั้น นิค...”
ไทเลอร์พยักหน้ารับ ขณะเดินอ้อมร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากตนของน้องชายไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้องโถงใหญ่ จากนั้นก็พูดขึ้นอีกด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย
“นายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดน้องอิง”
นิโคไลที่ตอนนี้หน้าตาแดงก่ำเพราะโทสะเดินมาทรุดกายใหญ่โตลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้ามกับพี่ชายใหญ่ของตัวเอง
“แต่พ่อกับแม่ก็ยังบังคับให้ผมแต่งงานกับแม่นี่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมเกลียด...”
น้ำเสียงกระด้างของนิโคไลแม้จะไม่ดัง แต่ก็อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังอย่างใหญ่หลวง จนเจ้าของชื่ออย่างอิงบุญที่เป็นเพียงแค่เด็กเก็บมาเลี้ยงน้ำตาทะลัก หล่อนจำต้องเม้มปากแน่น และถอยห่างออกไปด้วยความเงียบเชียบเหมือนเช่นดังตอนที่เดินเข้ามา
“พี่เชื่อว่าพ่อกับแม่มีเหตุผลที่ดี ท่านถึงได้ทำแบบนี้”
“แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมคิดว่าแม่อิงบุญจะต้องไปกรอกหูพวกท่าน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้องมารับหน้าที่อันหน้าสะอิดสะเอียนนี้หรอก พี่ไทล์ก็รู้ว่าแม่นี่เป็นอดีตอีตัวมาก่อน หล่อนอยู่ในซ่องมาตั้งแต่เด็ก ขายตัวให้กับผู้ชายมากมาย...”
คนพูดเต็มไปด้วยโทสะ สองมือหนาสีแทนที่วางอยู่บนต้นขากำยำกำเข้าหากันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยกองเพลิงมากมาย เพลิงร้ายที่พร้อมจะแผดเผาศัตรูให้มอดไหม้กลายเป็นผงธุลี
“งั้นก็แสดงว่าที่นายแสดงท่าทางจงเกลียดจงชังน้องอิงก็เพราะสาเหตุที่น้องอิงเคยอยู่ในซ่องมาก่อนอย่างนั้นใช่ไหม”
นิโคไลนิ่งอึ้งไปไม่นานก็ตอบกลับมาด้วยสายตาที่ยังคงลุกเป็นไฟ
“พี่ไทล์ก็รู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายหัวโบราณ ผมไม่เคยคาดหวังพรหมจารีของผู้หญิงคนไหน แม้แต่คนที่จะมาเป็นเมียของตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่ทำให้นายเกลียดชังน้องอิงล่ะคืออะไร...”
ไทเลอร์ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามอย่างข้องใจ มองหน้าน้องชายอย่างคาดคั้น แต่นิโคไลหาได้ยอมบอกความจริงไม่ เขายังคงปกปิดความรู้สึกเอาไว้เช่นเดิม
“ผมมีเหตุผลส่วนตัวของผมเองครับ ซึ่งผมยังไม่ต้องการบอกใครในตอนนี้”
คำตอบของน้องชายทำให้ไทเลอร์ไหวไหล่กว้างของตัวเองน้อยๆ อย่างไม่ยี่หระอะไร จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ถ้านายไม่อยากบอก งั้นพี่ก็จะไม่ถามต่อ พี่จะไปมหาลัยล่ะ”
นิโคไลตีหน้าเยือกเย็นดังเดิม
“ตามสบายครับ ผมก็จะกลับขึ้นไปห้องนอนเหมือนกัน เจอกันตอนเย็นครับ ถ้าพี่ไทล์ไม่มีนัดกับสาวคนไหน”
ไทเลอร์ไหวไหล่กว้างบึกบึนของตัวเองอีกครั้ง
“งั้นพี่บอกเอาไว้เลยก็ได้ คืนนี้พี่มีนัด เอาไว้โอกาสหน้านะน้องชายที่รัก”
ผู้เป็นพี่ชายพูดจบก็ก้าวยาวๆ พาร่างอันแสนสง่างามของตัวเองเดินจากไป ทิ้งให้นิโคไลมองตามไปด้วยสายตาว่างเปล่า จากนั้นหนุ่มผู้เป็นน้องชายก็มุ่งหน้าจะเดินขึ้นชั้นบนเพื่อกลับห้องพักของตัวเอง แต่ระหว่างทางก็พบกับผู้หญิงที่เขาแสนจะเกลียดเสียก่อน
“อ่อยแต่เช้าเลยนะแม่คุณ”
คำทักทายที่เต็มไปด้วยคมมีดของผู้ชายที่อิงบุญจำได้ดีว่าคือใครดังขึ้นด้านหลัง และนั่นก็ทำให้หล่อนที่กำลังร่ำไห้ด้วยความขมขื่นใจอยู่ต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้ง และหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า
“คุณก็มีความคิดสกปรกในหัวแต่เช้าเลยเหมือนเดิมนะคะ”
อิงบุญปั้นหน้าเรียบเฉย ขณะที่ภายในอกเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ แต่หล่อนจะให้เขารู้ไม่ได้หรอก จะปล่อยให้เขารู้ใจของหล่อนไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าเขารู้ รู้ว่าหล่อนรู้สึกยังไงกับเขา นิโคไลจะต้องหัวเราะเยาะและจงเกลียดจงชังหล่อนมากไปกว่านี้อย่างแน่นอน ทุกอย่างจะต้องเป็นความลับ หัวใจของหล่อนจะต้องเป็นความลับตลอดกาล
“อย่ามาตีฝีปากกับฉันนะแม่ผู้หญิงสำส่อน”
เจ็บลึกเข้าไปในอกไม่ต่างจากถูกปักด้วยคมมีด แต่หญิงสาวก็ยังคงต้องปั้นหน้าเรียบเฉยต่อไป ยังคงต้องฝืนยิ้มออกไปคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเช่นเดิม
“ถึงฉันจะสำส่อนแค่ไหน อดีตฉันจะเคยเป็นอะไรมา แต่คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบในชีวิตของฉัน ลืมไปแล้วหรือคะคุณว่าที่สามี...”
เพราะอยากเอาชนะเขาบ้างทำให้หล่อนเลือกที่จะเดินยิ้มเล็กยิ้มน้อยเข้าไปหยุดตรงหน้าเขา วางมือนุ่มสีขาวสะอาดลงกับต้นแขนกำยำแน่นหนั่น พลางทำตาเชื่อมใส่ดวงตาสีเขียวจัดอย่างมีจริตจะก้าน
“ว่าเราจะต้องแต่งงานกับในเร็ววันนี้...”
